วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ป.ปลาตากลม มีดีกว่าเเค่คำว่า "อร่อย"

      
ไปไหนมา กินข้าว กินปลาแล้วหรือยัง ?”
คำทักทายเเบบไทยที่นิยมพูดกัน  สามารถบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเป็นอาหารหลักของคนไทยมาช้านาน
  เมนูปลา เพื่อสุขภาพ ที่คิดว่าใครๆ ก็น่าจะชอบ  และดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบทานปลามาก  เพราะจากการที่ได้ดูโฆษณา  อ่านบทความและจากคำพูดของคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตหลายๆ คน ก็พรรณาเรื่องคุณค่าของปลาให้ดิฉันฟังต่างๆ นาๆ จนทำให้ดิฉันมีความชื่นชอบอาหารประเภทปลามาก  และนี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ดิฉันทำเรื่องของอาหารที่ทำจากปลาต่างๆ นี้ 

      ก่อนอื่นเราก็จะเป็นมาทราบถึงประโยชน์ของปลาก่อนนะค่ะ  ว่าทำไมถึงทำให้ใครหลายๆ คนชอบทานปลา  "ผู้คนในอินเดียและจีนนั้นยกย่องให้เนื้อปลาเป็นยอดของอาหารบำรุงสมอง เพราะในเนื้อปลามีกรดไขมันจำเป็น โอเมก้า 3 (มีมากในปลาทะเล) ซึ่งช่วยบำรุงสมองและระบบประสาทค่ะ เป็นโปรตีนชั้นดี ไขมันต่ำ และย่อยง่าย"  และอีกหนึ่งบทความที่ทำให้ต้องหันมาทานปลากันดีกว่าค่ะ  "เบาหวานเป็นโรคที่มีอันตรายสูงสุดยิ่งกว่าโรคเอดส์ เพราะมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ถึงปีละ 3.2 ล้านคน ส่วนเอดส์เสียชีวิตแค่เพียง 3 ล้านคน/ปีเบาหวานที่พบบ่อย คือ เบาหวานชนิดที่ 2 ที่เกิดในผู้ใหญ่ที่อ้วน หรือคนอ้วนลงพุงที่ออกแรงออกกำลังกายน้อยเกินไป ปัจจุบันพบในเด็กด้วย การรับประทานอาหารที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง ตลอดจนไม่ออกกำลังกาย เป็นปัจจัยสำคัญทั้งสิ้นที่นำไปสู่โรคเบาหวาน วิธีลดปัญหาโรคอ้วนคือต้องส่งเสริมให้คนไทยบริโภคปลามากขึ้น เพราะเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี ราคาถูก และอาหารที่มีโอเมก้า - 3 สูง สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานได้ทั้งชนิดที่ 1 และ 2"
       ข้อมูลจาก โรงพยาบาลรามาธิบดี  นพ.ฆนัท ครุฑกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและโภชนาวิทยาคลินิก ศูนย์หัวใจหลอดเลือดและเมทาบอลิซึม โรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายถึงสารบำรุงสมองในเนื้อปลาว่า คือ โอเมก้า 3 ที่ช่วยพัฒนาเซลล์สมอง ลดไขมันในเลือด และช่วยให้การเต้นของหัวใจเป็นปกติ เพราะฉะนั้น ควรรับประทานปลาอย่างน้อย 2 มื้อต่อสัปดาห์ หรือต้องได้รับในปริมาณ 500 - 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน  
           โอเมก้า 3 คือ กรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายขาดไม่ได้ มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งทางด้านหัวใจและสมองเป็นสารอาหารที่พบทั้งในปลาทะเลและปลาน้ำจืด ขึ้นอยู่กับชนิดและฤดูกาล หากเป็นปลาที่มีไขมันมากจะมีโอเมก้า 3 มาก หรือถ้าอยู่ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่ปลาจำศีล ปลาจะมีขนาดเล็ก เนื้อน้อย  และมีไขมันต่ำ ส่วน ปลาในประเทศไทยที่มีโอเมก้า 3 มาก คือ ปลาสวายและปลาช่อน

          สำหรับการปรุงอาหารของคนไทยนั้น คุณหมอบอกว่า คนไทยนิยมบริโภคปลาด้วยวิธีการทอดสูงเป็นอันดับหนึ่ง ถึงร้อยละ 26.8 และการนึ่งหรืออบ ต้ม ปิ้ง หรือย่าง และผัดตามลำดับ ซึ่งอยากจะแนะนำว่า การทอดทำให้สูญเสียโอเมก้า 3 ในเนื้อปลามากที่สุด  
อีกทั้งยังได้น้ำมันที่เราใช้ทอดปลาซึมซับเข้ามาอีก เมื่อรับประทานไขมันเพิ่มมากขึ้นจะเป็นผลให้ไขมันไปสะสมในร่างกายและเกิดโรคอ้วนได้ ดังนั้นเราควรปรับเปลี่ยนการปรุงมาเป็นนึ่งหรือต้มจะดีกว่า ส่วนปลาที่นิยมบริโภคกันมากที่สุด ได้แก่ ปลาทู ปลานิล ปลาดุก ปลาสลิด และปลาช่อน ตามลำดับ

          อย่างไรก็ตามคุณหมอบอกว่าพฤติกรรมการบริโภคปลาของคนไทย จากการสำรวจผู้ป่วยและญาติที่เข้ามาใช้บริการรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลรามาธิบดี อายุระหว่าง 18 - 82 ปี จำนวน 260 คน พบว่ามีการบริโภคอาหารประเภทปลาในปริมาณน้อยเพียง 1 วันต่อสัปดาห์ จึงได้รับโอเมก้า 3 เฉลี่ยต่อวันเพียง 335.35 มิลลิกรัม ถือว่ายังน้อยอยู่ จึงอยากเชิญชวนให้คนไทยรับประทานปลาให้มากกว่าเดิมเพื่อชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือโรคความจำเสื่อมที่เกิดกับเราเมื่อมีอายุมากขึ้น
      เนื้อปลาเป็นอาหารที่อร่อยไม่แพ้ เนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ แถมมีประโยชน์มากมาย หากรู้จักนำมาปรุงรสต่าง ๆ ให้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นต้มยำปลาช่อนรสแซบ ปลาสวายราดพริก ฯลฯ   เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเองควร ใส่ใจหันมาบริโภคเนื้อปลากันให้มากขึ้นอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 มื้อหรือมากกว่านั้นได้ยิ่งดี

10 อันดับโรคเรื้อรังที่เป็นปัญหาใหญ่ของคนไทย มีดังนี้

**โรคหัวใจและหลอดเลือด**
**โรคของต่อมไร้ท่อ *(โรคกลุ่มเบาหวาน ไทรอยด์ ต่อมหมวกไต)**
**โรคระบบกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น**
**โรคระบบทางเดินอาหาร**
**โรคระบบทางเดินหายใจ**
**โรคภูมิแพ้**
**โรคระบบประสาทจิตเวช**
**โรคระบบทางเดินปัสสาวะ**
**โรคของปาก หู คอ จมูก**
**โรคผิวหนัง**
**ปรับพฤติกรรมการกิน ป้องกันโรค**
  ข้อมูลจาก  http://www.thaislimclub.com/content_452_15087_TH.html3




ขอขอบคุณ  http://www.thaihealth.or.th

1 ความคิดเห็น:

somnoue.blogspot.com กล่าวว่า...

เห็นแล้วหิว ฮ๋าๆ ตกแต่งพื้นหลังได้สวย ชวนรับประทานมากคะ ^^